ขึ้นชื่อว่า “ส้ม” ใครๆ ก็ต้องคิดว่าต้องมาคู่กับวิตามินซีแน่นอน และก็ถูกต้องค่ะ เพราะส้มโอที่เรากำลังจะพูดถึงก็มีวิตามินซีเช่นกัน แต่ไม่ได้มีแค่วิตามินที่ว่าเท่านั้นที่ซ่อนอยู่ภายในส้มโอ และไม่ได้มีประโยชน์ในเรื่องของการดูแลป้องกันหวัดเท่านั้น แต่ “ส้มโอ” ยังมีสรรพคุณต้านโรคอีกหลายประการค่ะ
ทำความรู้จักกับส้มโอกันก่อน
ส้มโอ มีชื่อสามัญว่า “Pomelo” ซึ่งคำนี้มากจากคำว่า “Pampelmoose” ในภาษาดัตซ์ แปลว่า "ส้มที่มีขนาดเท่าฟักทอง" ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของส้มโอคือ “Citrus Maxima” หรือ “Citrus Grandis” และเพราะส้มโอเป็นพืชตระกูลเดียวกับส้มจึงมีความเข้าใจกันว่า ส้มโอเป็นส้มเหมือนกับส้มผลเล็ก (Grapefruits) แต่จริงๆ แล้วส้มโอต่างจาก Grapefruit ทั้งชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์รวมถึงลักษณะ
ถ้าเป็นส้มผลเล็กจะมีรสขมอมเปรี้ยวมีเนื้อเป็นกุ้งเล็กๆ และเรียวยาว แต่ส้มโอจะมีรสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว เนื้อเป็นกุ้งใหญ่ และอวบนูน เวลารับประทานนิยมแกะเปลือกออกก่อนจนเหลือแค่กลีบเนื้อผล (หมายเหตุ : คำว่า “กุ้ง” หมายถึง ถุงน้ำหวานนับพันๆ ถุงที่เกาะเกี่ยวกันจนเป็นกลีบของส้มโอ (อ้างอิงจาก http://www.foodnetworksolution.com/wiki))
ในเรื่องความเชื่อนั้น ชาวจีนเชื่อว่า ส้มโอเป็นเครื่องสังเวยที่สำคัญอย่างมาก หากนำไปไหว้เจ้าเสร็จแล้วนำมาผ่าออกเจอว่ากลางลูกแห้ง ไม่มีน้ำ จะสื่อความหมายถึงความโชคดี
“ผลส้มโอ” ประโยชน์เพียบ
ว่ากันว่า หากกินส้มโอ 100 กรัม จะได้รับวิตามินซีสูงถึง 61 กรัม ส่วนเปอร์เซนต์ที่เหลือคือ สารประกอบกลุ่มฟีนอล สารฟลาโวนอยด์ โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อระบบต่างๆ ในร่างกายมากมาย แต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า ส้มโออาจมีฤทธิ์ป้องกันตับจากสารพิษ ต้านเชื้อจุลชีพ รักษาโรคเบาหวาน และลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
ประโยชน์ของส้มโอยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพียงแต่ต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะ จึงมีคำแนะนำจากนักโภชนาการว่า ควรกินคู่หรือสลับกับผลไม้ชนิดอื่นบ้าง เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป และสิ่งที่เราอยากบอกคือ ไม่เฉพาะแค่เนื้อส้มโอเท่านั้นที่มีประโยชน์ แต่เปลือก ใบ และรากยังมีประโยชน์เพียบ ส่วนจะมีประโยชน์ด้านไหนบ้าง ครั้งหน้าเราจะนำมาบอกกันค่ะ
---------------------------------------------------------------
คุณค่าทางโภชนาการของส้มโอต่อ 100 กรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)