รู้จักกันอีกนิดก่อนกิน “ผักสีม่วง”

ผักสีม่วง คือผัก 1 ใน 5 ของผัก 5 สีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ไม่แพ้สีไหนๆ ซึ่งประโยชน์ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นของผักสีนี้ก็คือมีพระเอกอย่าง “สารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ” อยู่ในนั้นค่ะ

“แอนโทไซยานิน” เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่จะให้สีน้ำเงิน แดง และสีม่วง กับดอกไม้ ผักผลไม้ต่างๆ  มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน แต่ที่ได้รับความสนใจจากวงการแพทย์มากที่สุดมี 6 ชนิด ได้แก่ เดลฟินิดิน (Delphinidin), พีโอนิดิน (Peonidin), ไซยานิดิน (Cyanidin), มาลวิดิน (Malvidin), เพทูนิดิน (Petonidin) และเพลาโกนิดิน (Pelargonidin) ซึ่งนำมาใช้ในการหาสารสกัดต้านโรคมะเร็ง โรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน (อ้างอิง : https://amprohealth.com/)

นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย เพราะมีการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึง 2 เท่า และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่างๆ จึงเท่ากับว่าไปช่วยชะลอความเสื่อมถอยของเซลล์ทั้งหลาย ทำให้ผิวพรรณเหี่ยวย่นช้าลง และยังช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางาม ทั้งยังช่วยลดไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย (LDL) และทำหน้าที่เข้าไปดักจับคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่อยู่ในลำไส้เล็กแล้วกำจัดออกจากร่างกาย  มากกว่านั้นคือ การกินผักสีม่วงยังช่วยบำรุงดวงตาได้ด้วย เพราะแอนโทไซยานินช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา แก้อาหารตาฝ้าฟาง ป้องกันโรคต้อหิน โรคต้อกระจกได้ดี

 

ผักสีม่วงใกล้ตัวมีอะไรบ้าง

กะหล่ำปลีสีม่วง >> เนื่องจากมีสารอินไทบินเวลากินเข้าไปอาจจะรู้สึกว่าได้รับรสชมๆ แต่เพราะความขมของสารนี้นั่นเองที่ช่วยในการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยง ตับ ไต ถุงน้ำดี และกระเพาะอาหาร  นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีสีม่วงยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยส่งเสริมการสร้างฮีโมโกลบินให้กับร่างกาย จึงส่งผลดีให้ร่างกายสามารถนำออกซิเจนไปกับเม็ดเลือดเพื่อไปเลี้ยงเซลล์ส่วนต่างๆ

ทั้งนี้ แม้กะหล่ำปลีสีม่วงจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ไม่ควรกินแบบสดๆ ในปริมาณที่มากกว่า 2 กิโลกรัมต่อวัน เพราะในกะหล่ำปลีมีสาร goitrogen จะขัดขวางการทำงานของต่อไทรอยด์ ทำให้ต่อมไทรอยด์นำไอโอดินในเลือดไปใช้ได้น้อย

มันเทศสีม่วง >> หรือที่บางคนเรียกสั้นๆ ว่ามันม่วง เมนูมันสุดฮิตที่ระยะหลังๆ ใครๆ ก็เรียกหา แถมยังเอามาไปปรับเป็นเมนูสารพัด เป็นพืชสีม่วงอีกชนิดที่ให้ประโยชน์มากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะหากกินแบบไม่ปอกเปลือก เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทเบต้าแคโรทีนมากขึ้น รวมถึงเส้นใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำซึ่งพบมากบริเวณเปลือก ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาและผิวพรรณ แถมยังมีสรรพคุณลดความเสี่ยงของโรคข้อต่ออักเสบ  ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ทั้งยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

มะเขือม่วง >> ไม่อยากแก่เร็วต้องกินมะเขือม่วงค่ะ เพราะมะเขือม่วงมีวิตามินอีเพียบ ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยให้อ่อนกว่าวัย และยังลดคอเลสเตอรอลได้ด้วยเพราะมีสารไตรโกเนลลินและโคลิน ซึ่งทำหน้าที่เข้าไปจับตัวกับคอเลสเตอรอลส่วนเกินที่อยู่ในลำไส้เล็กและกำจัดออกจากร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานของเลือดเป็นไปได้อย่างปกติ ที่สำคัญมะเขือม่วงยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีปัญหาเลือดออกตามไรฟัน และช่วยทำให้แผลหายเร็ว นอกจากนี้มะเขือม่วงยังสามารถกำจัดสารพิษในร่างกาย ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น คนที่เป็นโรคริดสีดวงทวาร 

แครอทม่วง >> มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากๆ  และยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ โดยมีการศึกษาวิจัยจนพบว่า แครอทที่มีสีแตกต่างกันก็จะมีสรรพคุณต่อร่างกายและสุขภาพที่แตกต่างกัน อย่างแครอทสีม่วงจะมีแอนติบอดีต้านอนุมูลอิสระร้อยละ 28 ซึ่งมากกว่าแครอทสีส้ม

พลัม >> ถ้ากำลังตามหาผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระละก็ พลัมคืออีกหนึ่งทางเลือกค่ะ เพราะมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุในระดับปานกลาง แถมยังมีฟีนอลที่ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย ซึ่งหากทำเป็นพลัมแห้งหรือที่รู้จักกันในชื่อ พรุน นั้น สามารถกินได้ไม่อ้วนเพราะมีแคลอรี่น้อย ไขมันต่ำ และอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารแบบละลายน้ำที่ช่วยให้อิ่มนาน ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ และลูกพรุนยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างโพลีฟีนอลจึงช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อได้

ยังมีผักผลไม้ในกลุ่มสีม่วงอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน น้ำว่าน-กาบหอย เผือก หอมหัวใหญ่สีม่วง พริกแดง องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิ้ลแดง ลูกไหน ลูกเกด บลูเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ ฯลฯ

         

รู้จักผักสีม่วงมากขึ้นแล้ว ลองเลือกนำไปประยุกต์กับการกินในแบบที่คุณชื่นชอบ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนะคะ

 

ข้อมูล : https://pharmacy.mahidol.ac.th/ และ https://amprohealth.com