อะไรที่เรียกว่าพอดี? โดยเฉพาะในเรื่องการกินผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงเกิดเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบว่า เราควรกินผักแค่ไหนถึงจะพอดี พอเหมาะ และส่งผลดีต่อสุขภาพ แม้ผักจะอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารที่ร่างกายต้องการ แต่ก็มีข้อจำกัด
แล้วปริมาณที่เหมาะสมนั้นอยู่ที่ตรงไหน? เอาเหตุผลใดมาวัด?
เบื้องต้นที่สามารถตอบได้เลยคือ การกินที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย ส่วนปริมาณเท่าไหร่ มาอ่านต่อกันเลยค่ะ
จากข้อมูลที่ KC Fresh หามาได้นั้น ระบุไว้ว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานผักและผลไม้รวมกันอย่างน้อยวันละ 400-500 กรัม หรือประมาณ 5-6 หน่วยบริโภคต่อวัน โดย 1 หน่วยบริโภคมีขนาดเท่ากับกำปั้นมือ แต่ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับเด็กและวัยรุ่นจะแตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุ ดังนี้
เด็กน้อย วัย 1-3 ปี ควรได้รับผักประมาณ 1-2 ถ้วยต่อวัน
เด็กเริ่มโต วัย 4-8 ปี ควรได้รับผักประมาณ 1.5-2.5 ถ้วยต่อวัน
เด็กวัย 9 ปีขึ้นถึงวัยรุ่น ควรได้รับผักประมาณ 2-3 ถ้วยต่อวัน
ทั้งนี้ ปริมาณดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปอีกนิด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง และกิจกรรมที่เลือกทำในแต่ละคน แต่เพื่อความง่ายมากขึ้น ขอให้ยึดหลักต่อไปนี้ในการบริโภคแต่ละมื้อ นั่นคือ
ถ้ากินผักในปริมาณที่ว่านี้ รับรองได้ว่า จะทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี เพราะใยอาหารในผักช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี ลดปัญหาท้องผูก ขณะเดียวกันก็ช่วยควบคุมน้ำหนักไปในตัว เพราะผักมีปริมาณแคลอรี่ต่ำ แต่ให้ใยอาหารสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น และผลพลอยได้คือ ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง เนื่องจากผักอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน และยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีด้วยนะคะ