วันนี้ KC Fresh จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการกินผักรับปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีนมาฝากกัน ซึ่งการกินผักมงคล 7 ชนิดต่อไปนี้ เชื่อกันว่า จะทำให้ชีวิตของคุณเจอแต่โชคดีรับปีใหม่ แต่ถ้าให้พูดไปแล้ว ไม่ว่าจะกินผักช่วงไหน ขอเพียงเป็นผักที่ปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อนทั้งหลาย นำมาต้มหรือปรุงรวมเข้าด้วยกันแล้วจึงกินเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ผักทุกชนิดที่คุณกินเข้าไปก็ล้วนให้ประโยชน์กับร่างกายทั้งนั้นค่ะ
1. ต้นขึ้นฉ่าย มีความหมายถึง ความมุมานะบากบั่น พากเพียร และให้อดทนต่อความยากลำบาก การให้กินขึ้นฉ่ายก็เพราะเตือนใจให้คนกินต้องรู้จักอดทดต่อความยากลำบาก เพื่อความร่ำรวยในอนาคต และขึ้นฉ่ายยังมีสารอาหารอย่าง วิตามินซีและเบต้าแคโรทีนที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย
2. ผักขมจีน (ผักโขมจีนก็เรียก) หรือ ผักชุนฉ่าย มีความหมายว่า แผ่ขยาย เหยียดออก ยืดออก เป็นการเตือนใจให้คนกินรู้จักขยันทำมาหากิน เพื่อให้ทรัพย์สินเพิ่มพูน ผักขมจีนมีประโยชน์ในเรื่องของการให้มีแคลเซียมและมีเส้นใยมาก แถมยังช่วยบำรุงสายตา
3. ผักคะน้า สื่อความหมายถึงความยอดเยี่ยม ล้ำเลิศ และเกราะป้องกัน การให้คะน้าเป็น 1 ใน 7 ผักมงคลเพื่อเตือนใจว่า มีเพียงความดีงามที่ติดตัวไปได้เท่านั้น จงหมั่นเร่งสร้างบุญสร้างกุศลและปฏิบัติธรรมเพื่อให้หลุดพ้น และการเป็นคนดีมีธรรมะจะเป็นเกราะคุ้มครองเสมอ
นอกจากความหมายดีๆ แล้ว คะน้ายังมีสารอาหารหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน
4. ผักกาดขาว เป็นผักที่บรรพบุรุษชาวจีนต้องการสื่อความหมายให้ลูกหลานมองไปข้างหน้า หัดอดเปรี้ยวไว้กินหวาน คิดถึงการใหญ่ที่เรามุ่งหมายจะไปให้ถึงที่ฝันเอาไว้เป็นที่ตั้ง จึงมีความหมายว่า ใหญ่โต ยิ่งใหญ่ โดยผักกาดขาวนั้นมีสารอาหารอย่างวิตามิน เอ วิตามิน บี1 วิตตามันบี 2 วิตามินซี วิตามินดี ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดนิโคตินิก
5. ต้นกระเทียม ด้วยความที่คนจีนส่วนใหญ่ทำการค้าขาย และต้นกระเทียมในภาษาจีนมีการออกเสียงว่า “นับ” ซึ่งคนจีนถือว่า คนนับเลขเป็นก็จะเป็นพ่อค้าพ่อขาย รู้จักการคิดเลข คิดราคาสินค้า ทำให้มีเงินทองให้นับมากมายและเป็นคนร่ำรวย ซึ่งหากกินต้นกระเทียมไปแล้ว ยังจะได้รับวิตามินซี กรดโฟเลต ธาตุเหล็กอีกด้วย
6. ไฉ่เท้า หรือที่คุ้นหูว่า หัวไชเท้า คำว่า “เท้า” แปลว่า หัวหน้า เจ้านาย เมื่อนำมาใช้กับคำว่า ไช้ ที่แปลว่า โชคลาภ มีลาภ จึงถือว่าเป็นผักมงคล และยังมีสารอาหารหลายอย่าง ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี ไนอาซิน แคลเซียมและฟอสฟอรัส ทั้งนี้ชาวจีนให้ไฉ่เท้าเป็น 1 ใน 7 ผักมงคล เพราะต้องการเตือนใจว่า เมื่อรวยหรือเป็นใหญ่เป็นโตแล้วอย่าลืมกำพืด อย่าลืมตัว ให้หมั่นนึกถึงความยากลำบากที่ผ่านมาจนทำให้ร่ำรวยและเป็นใหญ่เป็นโตในวันนี้
7. กะหล่ำปลี หมายถึงมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และถ้าดูจากลักษณะของกะหล่ำปลีที่แกนกลางแตกเป็นกลีบมากมาย แต่ม้วนรวมกันเป็นก้อนกลม จึงสื่อไปได้อีกอย่างหนึ่งว่า ลูกหลานมากมายรักใคร่กลมเกลียว นอกจากนี้กะหล่ำปลียังมีสารอาหารดีๆ อย่างวิตามินซี วิตามินอี ไนอาซินอยู่ภายใน
เมื่อเตรียมผักทั้ง 7 ชนิดแล้วจะปรุงอย่างไร?
ขอบอกว่าไม่ยากเลย เพียงล้างและหั่นผักทั้ง 7 อย่างไว้ จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันจนร้อนจัด หากอยากใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ใส่ได้เลย ซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นเนื้อหมู (เนื่องจากชาวจีนถือว่า หมูเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่งร่ำรวยมาแต่โบราณ) เมื่อหมูสุกในระดับหนึ่งหรือาจเรียกว่าพอเหลือง ก็ตักลงในหม้อน้ำซุปและเคี่ยวไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จากนั้นนำผักทั้ง 7 ชนิดผัดในกระทะพอให้ผักสลดแล้วจึงนำลงหม้อเคี่ยวพร้อมหมู จึงปรุงด้วย น้ำตาล เกลือ พริกไทย ซี่อิ๊วขาว และซอสเห็ดหอม เมื่อชิมได้รสชาติกลมกล่อมก็ตักเสิร์ฟได้เลย
ทั้งนี้เมื่อเวลาเปลี่ยนไปสู่ยุคต่างๆ ผักหลากอย่างอาจถูกเปลี่ยนไปจากที่เคยกิน แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแบบไหน การกินผักก็ทำให้สุขภาพดีเสมอ และการให้กินผักทั้ง 7 อย่างของบรรพบุรุษจีนที่เชื่อตามกันมานั้น อาจแฝงไปด้วยกุศโลบายที่ชาญฉลาดในการให้ลูกหลานหันมากินผัก ซึ่งเป็นอาหารที่มีเส้นใยและกากมาก รวมถึงเป็นสิ่งที่หาง่าย ปลูกเองได้ ทั้งยังมีคุณค่าโภชนาการทางอาหารมากมายนั่นเอง