“ไข่ผำ” ไข่จากไหน มารู้จักกัน
เคยได้ยินคำว่า “ไข่ผำ” กันมาบ้างไหมค่ะ บอกตรงนี้เลยว่าคำๆ นี้กำลังมาแรงเชียวค่ะ เพราะความพิเศษของไข่ผำอย่างแรกที่ต้องรู้คือ แม้จะขึ้นชื่อว่า ไข่ แต่ไข่ผำไม่ได้เกิดขึ้นจากสัตว์ชนิดใดในโลก เพราะแท้จริงแล้ว ไข่ผำ เป็นพืชค่ะ
ไข่ผำ หรือ ไข่น้ำ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Wolffia globosa เป็นพืชน้ำขนาดเล็กมากๆ มากจนสามารถจัดว่าเป็นพืชดอกที่เล็กที่สุดในโลกได้เลยนะคะ ซึ่งไข่ผำที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีเขียว ขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร คล้ายไข่ปลาลอยอยู่บนผิวน้ำ (มิน่าละ ถึงได้ตั้งชื่อว่าไข่ผำเพราะแบบนี้เอง) มีทั้งขึ้นเองตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่เป็นน้ำนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบึงหรือหนองน้ำ และเลี้ยงในบ่อดิน กะละมัง อ่างบัว ถังพลาสติก หรือท่อซีเมนต์
และถึงแม้จะเป็นพืชเล็กๆ แต่คุณภาพไม่เล็กเลยนะคะ เพราะไข่ผำมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะโปรตีน มีปริมาณโปรตีนสูงถึง 40% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งเทียบเท่ากับโปรตีนในเนื้อสัตว์และไข่ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน โดยมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน วิตามินทั้งหลาย ได้แก่ วิตามิเอ วิตามินบี12 วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเค รวมไปถึงธาตุเหล็ก แคลเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างลูทีน ซีแซนทีน และคลอโรฟิลล์ พร้อมใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย
และด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงอย่างที่ KC Fresh ได้บอกไปแล้ว ทำให้ไข่ผำมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้านดังนี้
- ความที่มีโปรตีนสูง จึงช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เพราะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสแบบจัดเต็มไม่แพ้ใคร
- เพราะเป็นพืชที่เปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ ลูทีน และซีแซนทีน จึงช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา
- ช่วยบำรุงระบบประสาท เพราะมีวิตามินบี 12 ที่ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- เข้าไปบำรุงเลือด จากการที่มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง
- สารต้านอนุมูลอิสระในไข่ผำช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง
- ใยอาหารในไข่ผำช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องผูก
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ อ่านมาถึงตรงนี้ ไข่ผำมีสารอาหารเพียบ จึงสามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้หลากหลาย แต่จะมีอะไรบ้าง ครั้งหน้า KC Fresh จะนำมาบอกให้รู้นะคะ
