Lemon ลูกเหลือง มะนาว ลูกเขียว ...โอเคนะคะ

มะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ประเทศไทย ของเรานั่นเองแต่บ้างก็บอกว่า จริงๆ แล้ว มะนาวมีแหล่งกำเนิดในอินเดียตอนเหนือและเขตเชื่อมต่อกับพม่า รวมถึงทางตอนเหนือของมาเลเซีย  ซึ่งถ้าเทียบดูสภาพภูมิอากาศแล้ว ก็สรุปได้ว่า มะนาวสามารถปลูกได้ในพื้นที่เขตร้อนและเขตอบอุ่นกึ่งร้อน เพราะมะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ และทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีว่าส้ม ซึ่งหนึ่งในผลไม้ตระกูลส้มก็คือ “เลม่อน” ค่ะ

ทั้งมะนาวและเลม่อน ให้คุณค่าสารอาหารที่คล้ายกัน นั่นคือ

1. ในมะนาวและเลม่อนมีไฟเบอร์ , โปรตีน และไขมัน แต่มะนาวมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและแคลอรี่น้อยกว่าเลม่อนเล็กน้อย

2. ให้วิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้มากขึ้น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสารสำคัญในการรักษาบาดแผล โดยมะนาวให้ปริมาณวิตามินซี (88%) ที่มากกว่าเลมอน

3. ทั้งมะนาวและเลม่อน มีกรดซิตริกสูงในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน โดยเฉลี่ยคือ น้ำมะนาวมีกรดซิตริกประมาณ 48 กรัมต่อลิตร ในขณะที่น้ำเลม่อน มีประมาณ 45.8 กรัมต่อลิตร

4. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์ ซึ่งมีบทบาทในภาวะสุขภาพเรื้อรังหลายอย่าง เช่น เบาหวาน มะเร็ง และภาวะสมองเสื่อม

5. มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และช่วยในการเผาผลาญ

6. มีส่วนช่วยลดน้ำหนัก ในเรื่องนี้มีแหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่า การบริโภคมะนาวหรือผลิตภัณฑ์จากมะนาว สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ น่าจะเป็นผลมาจากปริมาณแคลอรี่ที่ลดลง

ทั้งมะนาวและเลม่อน ล้วนให้รสเปรี้ยวคล้ายกัน แต่ถ้าชิมดีๆ มะนาวจะแฝงรสขมกว่านิดหน่อย ในขณะที่เลม่อนจะมีรสหวานกว่านิดๆ ส่วนเรื่องการใช้งานนั้นก็แตกต่างกันเล็กน้อย เช่น ในการทำขนม นิยมใช้เปลือกเลม่อนเป็นส่วนประกอบมากกว่าการใช้เปลือกมะนาวเนื่องจากเปลือกจะมีรสขมกว่า หรือหากเป็นเมนูยำที่ต้องการความแซ่บจี๊ดๆ จะใส่น้ำมะนาวมากกว่าน้ำเลม่อนที่ให้รสชาติละมุนกว่า หรือถ้าอยากได้ความหอมแบบผ่อนคลายก็นิยมฝานเลม่อนเป็นชิ้นใส่ลงในน้ำเปล่าหรือโซดามากกว่าการฝานมะนาวลงไป ซึ่งการใช้มะนาวฝานจะนิยมใช้กับเครื่องดื่มบางชนิดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบค่ะ