หลายคนที่เป็น FC อาหารอิตาเลี่ยนคงรู้จักกับเมนู Minestrone ที่ KC Fresh นำมาเล่าให้รู้กันในวันนี้อย่างแน่นอน เพราะเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูสัญชาติอิตาเลี่ยนขนานแท้ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน แต่ก่อนอื่นมาอ่านชื่อของเมนูนี้ให้ถูกต้องตามสไตล์อิตาเลี่ยนกันก่อน นั่นคือ “มิ-เนส-สะ-โตร-เน” เพราะภาษาอิตาเลี่ยนต้องอ่านออกเสียงทุกคำค่ะ
และถ้าถามว่า ซุปนี้จัดเป็นซุปข้นหรือซุปใส ต้องขอบอกว่า ไม่ใช่ทั้งคู่ เพราะไม่มีสูตรตายตัว แต่ที่แน่ๆ คือ ถ้าเป็นสไตล์ดั้งเดิมจะมีแต่ผักล้วนๆ ไม่มีโปรตีนเลย กระทั่งผ่านกาลเวลานั่นล่ะค่ะ ถึงมีการเติมเนื้อสัตว์ พาสต้าหรือข้าวลงไปบ้าง
สำหรับที่มาที่ไปของซุปนี้ เท่าที่หาข้อมูลมาได้ มีอยู่ในสองแหล่งที่มาคือ
Minestrone สืบความได้ไกลไปถึงยุค 200 ปีก่อนคริสตกาล แต่เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นก็เมื่อชาวโรมันเอาชนะอิตาลีได้ ซึ่งนักประวัติศาสตร์อาหารบอกว่า ซุปผักเป็นอาหารบ้านๆ ที่มีทุกที่และได้ชื่อว่าเป็น “อาหารของคนยากไร้” เพราะผักราคาถูกกว่าเนื้อสัตว์ หาง่ายกินง่าย กินได้ทั้งวัน
อีกที่มาบอกว่า Minestrone เป็นที่รู้จักกันในปี ค.ศ. 1914 ในขณะที่มีสงครามโลกครั้งที่ 1 เนื่องจากขณะนั้นเกิดภาวะขาดอาหารในประเทศอิตาลีไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เกษตรกรในประเทศอิตาลีจึงคิดเมนูนี้ขึ้นมาจากการนำเอาผักใบเขียวที่มีอยู่ในขณะนั้นมาปรุงรวมกันไว้ในหม้อเดียว หรือบางทีก็เอาอาหารที่เหลือจากมื้อก่อนๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเมนูผักทั้งหลาย) มาใส่ในหม้อเดียวกันแล้วเคี่ยวๆๆ จนกลายเป็นเมนูนี้
ฉะนั้นหากใครจะถามหาว่าตกลงเมนู Minestrone มีส่วนผสมอะไรบ้าง คงได้คำตอบกันโดยไม่ต้องคิดมากว่า มีผักอะไรอยู่ในบ้านขณะนั้นก็ใส่ไป จะกี่ชนิดไม่มีใครว่า บ้านไหนมีหัวหอม, ถั่ว, กะหล่ำปลี, กระเทียม, มะเขือเทศ ก็ใส่ไป บ้านไหนมีเห็ด , แครอท , หน่อไม้ฝรั่ง, ผักกาด ก็ใส่เพิ่มไปได้ เรียกว่ามีน้อยหรือมากกว่านี้ก็ไม่เกี่ยงเพราะสุดท้ายคือ โยนลงไปในหม้อเดียวกัน ผลที่ออกมาคือซุปผัก Minestrone นั่นเอง
มาถึงตรงนี้คงพอมองภาพออกแล้วใช่ไหมคะว่า ถ้าจะถามหาความต่างของเมนูนี้จะอยู่ที่ไหน
ความต่างของ Minestrone จะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและท้องที่ที่ต่างกันไป หน้าหนาว วัตุดิบย่อมต่างจากหน้าร้อน และแม้จะมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศเดียวกัน แต่ความกว้างใหญ่ของประเทศอิตาลีก็ทำให้วัตถุดิบท้องถิ่นต่างกันออกไปด้วย
แต่ไม่ว่าจะต่างกันอย่างไร หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงความยากลำบากของสงครามมาแล้ว ซุปนี้ก็ยังได้รับการสานต่อ จัดขึ้นโต๊ะอาหารอย่างไม่มีใครคิดจะรังเกียจว่าเป็นซุปของคนจนหรือเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศเกิดความยากลำบาก เราจึงได้พบกับซุปนี้บนโต๊ะอาหาร ทั้งการทำหน้าที่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย บางทีก็เป็นอาหารกลางวัน หรืออาหารค่ำ แถมยังมีการเติมพาสต้าลงไปเพิ่มคุณค้าสารอาหารอีกด้วย
ใครที่อยากลองทำ Minestrone แค่ผัดผักกับน้ำมันมะกอกจนผักนุ่ม แล้วเติมน้ำซุปผักหรือน้ำซุปไก่ เคี่ยวกันไป 30-45 นาที ก่อนเสิร์ฟโรยพาร์เมซานชีสลงอีก ยิ่งทำให้เนื้อซุปเข้มข้น กินอิ่มอยู่ท้อง
ทิ้งท้ายนิดๆ ตามสิ่งที่ชาวอิตาเลียนมักจะพูดกันคือ ซุปผักร้อนๆ จะกินดีมากตอนหน้าร้อน เพราะกินแล้วทำให้ร่างกายเย็นลง ก่อนกินนอกจากใส่ชีสแล้วก็เติมกรูตองหรือขนมปังกรอบยิ่งให้รสชาติดีสุดๆ ค่ะ
ข้อมูล : https://world-food-4u.com/ และ https://articlereviewwriters.weebly.com/