“ขมิ้น” กินเป็นเวลาช่วยให้อวัยวะทำงานได้ดี

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับขมิ้นกันสักหน่อย

ขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีตั้งแต่สีเหลืองเข้มจนถึงสีแสดจัดขึ้นอยู่กับแต่ละภาคและจังหวัด นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็นต้น โดยในขมิ้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุเพียบ และยังมีประวัติการนำมาใช้รักษามากกว่า 5,000 ปี

มีการศึกษาพบว่า การกินขมิ้นตามเวลาที่อวัยวะต่างๆ กำลังทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขมิ้นให้มากขึ้นด้วยนะคะ โดยวิธีกินตามเวลาก็คือ

• เวลา 03.00-05.00 น. > ช่วงเวลาของปอด > บำรุงปอดให้แข็งแรง ป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง และช่วยเรื่องภูมิแพ้ หายใจไม่สะดวก
• เวลา 05.00-07.00 น. > ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ > แก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ ช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ให้บีบรัดตัว ช่วยให้ขับถ่ายได้เป็นปกติจึงแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไป และช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ ยิ่งถ้ากินโยเกิร์ต น้ำผึ้ง นมสด มะนาว หรือน้ำอุ่น จะช่วยชะล้างผนังลำไส้ให้สะอาดได้
• เวลา 07.00-09.00 น. > ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร > ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง และยังช่วยแก้อาการปวดเข่า ขาตึง บำรุงสมอง ป้องกันโรคความจำเสื่อม แก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการกินอาหารไม่เป็นเวลา
• เวลา 09.00-11.00 น. > ช่วงเวลาของม้าม > แก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลบริเวณปาก บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ การอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
• เวลา 11.00-13.00 น. > ช่วงเวลาของหัวใจ > บำรุงหัวใจให้มีสุขภาพแข็งแรง
• เวลา 15.00-17.00 น. > ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ > บำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้อาการตกขาว ยิ่งประกอบกับการออกกำลังกายในช่วงนี้จะยิ่งช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกไปจากร่างกาย
• เวลา 17.00 น. จนถึงเวลาเข้านอน  > ทำให้ความจำดีขึ้น เมื่อตื่นนอนจะไม่อ่อนเพลีย การขับถ่ายก็จะดีขึ้นด้วย

หลายคนอาจเลือกกินแบบสกัดเป็นแคปซูลก็ได้นะคะ แต่ขอให้มีการรับรองความปลอดภัยเสมอ แต่ถ้าอยากปลอดภัยสุดๆ การกินขมิ้นนั้แบบสดๆ น่าจะเหมาะสมที่สุด แต่ไม่ว่าจะกินแบบไหน อาจลองปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการอีกครั้งนะคะ เพราะพืชผักบางชนิด อาจมีข้อแม้ในการกินที่เราๆ ท่านๆ รู้ไม่ครบก็เป็นได้

ข้อมูล : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ Medthai