มากกว่าผิวสวย! ด้วยมะเขือเทศราชินีลูกน้อยทรงพลัง

หนึ่งในตำรับความงามแบบธรรมชาติที่ทำไม่ยากเลยคือ การกินมะเขือเทศค่ะ เพราะมะเขือเทศหนึ่งผลมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นล้วนเป็นของดีมีคุณค่ากับร่างกาย จะเลือกกินแบบผลเล็กหรือผลใหญ่ก็ได้ประโยชน์ไม่ต่างกัน เพียงแต่ที่นิยมหนักๆ ในหมู่สาวไทยต้องยกให้ “มะเขือเทศราชินี” เพราะด้วยความที่ลูกเล็ก กินง่ายไม่เลอะเทอะ ให้ความกรอบแต่ฉ่ำน้ำ ทำให้มะเขือเทศราชินีเป็นตัวเลือกอันตับต้นๆ ของสาวๆ ที่อยากผิวสวย

หัวใจสำคัญที่ซ่อนอยู่ในมะเขือเทศราชินีลูกจิ๋วๆ คือมีวิตามินหลายชนิดซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินเค โดยเฉพาะวิตามินเอ และวิตามินซี มีในปริมาณสูง มีกรดมาลิก กรดซิตริก ซึ่งให้รสเปรี้ยวและมีกลูตามิค (Glutamic) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร (เรียกได้ว่าเป็นกรดชูรสตามธรรมชาติเลยก็ว่าได้) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารเบต้า-แคโรทีน และแร่ธาตุหลายชนิดอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้นอีกด้วย แต่ที่หลายคนโฟกัสมากที่สุดคือสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ชื่อ  "ไลโคปีน" ค่ะ

มะเขือเทศดีต่อความงาม

"ไลโคปีน" ที่อยู่ในมะเขือเทศทั้งลูกนั้น ช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งสัมพันธ์กับความสวยความงามที่ไม่ว่าหนุ่มหรือสาวสมัยนี้ให้ความสำคัญกันแทบทั้งนั้น โดยวิธีการดูแลผิวหน้าให้ชุ่มชื่นด้วยตัวเองก็แสนง่าย เพียงนำเนื้อมะเขือเทศสีแดงๆ มาสับหยาบๆ แล้วพอกหน้าไว้สัก 15 นาทีก็จะทำให้ผิวหน้าเต่งตึงอ่อนนุ่ม หรือถ้าบางคนไม่อยากรู้สึกเละๆ จะฝานเป็นแผ่นบางๆ แช่เย็นสักหน่อย จากนั้นก็มาแปะบนหน้าก็ได้เหมือนกัน ซึ่งนอกจากเรื่องผิวเนียนนุ่มแล้ว มะเขือเทศยังช่วยรักษาสิวไปในตัว แถมยังพ่วงผลพลอยในการลดริ้วรอยและทำให้ระบบการหมุนเวียนเลือดดีขึ้น

ความงามด้วยมะเขือเทศไม่ได้หยุดแค่ที่ผิว เพราะมะเขือเทศยังช่วยดูแลความงามให้กับเส้นผมได้ด้วย หากนำซอสมะเขือเทศที่ทำเองจากธรรมชาติมาหมักผม ก็จะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายในน้ำในสระที่มีคลอรีนด้วยนะคะ

มะเขือเทศดีต่อโรคมะเร็ง

มีงานวิจัยพบว่า ไลโคปีนในปริมาณตั้งแต่ 0.9 –9.30 กรัม จาก 100 กรัมของมะเขือเทศสดนั้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ แต่ที่ชัดเจนสุดๆ คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รองลงมา คือมะเร็งปอด กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับอ่อน ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก คอหอย ช่องปาก เต้านม ปาก ได้ด้วย (อ้างอิง : กินมะเขือเทศอย่างไรได้ไลโคปีน (lycopene) สูง โดย ภาควิชาอาหารเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล)

มะเขือเทศมีวิตามินมาพร้อมสรรพคุณทางยา

ในมะเขือเทศมีวิตามินพี (citrin) ที่ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด และมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจึงสามารถแก้อาการความดันโลหิตสูง ส่วนวิตามินเอช่วยรักษาโรคตาและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ มะเขือเทศมีวิตามินซีมากทำให้สามารถป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด ช่วยดูแลระบบการย่อยและการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นปกติได้ดี  และมากไปกว่านั้นคือ กินมะเขือเทศไม่ได้แค่ความอร่อย แต่มะเขือเทศยังมีดีต่อช่องปากด้วย  เพราะมีสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราในช่องปากนั่นเอง

เห็นไหมคะ มะเขือเทศให้ประโยชน์มากกว่าเรื่องผิวสวย หากอ่านจนถึงตรงจุดนี้แล้วรู้สึกอยากกินมะเขือเทศขึ้นมาก็จัดไปเลยค่ะ หากในบางคนที่ไม่ชอบกินแบบเพียวๆ ลองนำมาประยุกต์เป็นเมนูต่างๆ หรืออีกนัยคือ หาวิธีกินโดยที่คุณไม่รู้สึกยี๊ อย่างเวลากินส้มตำก็บอกแม่ค้าใส่มะเขือเทศราชินีลงไปมากหน่อย ตอนตักผักสลัดก็ตัดมะเขือเทศมากอีกนิด แบบนี้ก็ได้คุณค่าจากมะเขือเทศโดยมีผักชนิดอื่นช่วยทำให้รู้สึกหลากหลายเวลากินแล้วล่ะค่ะ

--------------------------------------------------------------------------------

คุณค่าทางโภชนาการของมะเขือเทศสีแดงสด ต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 18 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 3.9 กรัม
  • น้ำตาล 2.6 กรัม
  • เส้นใย 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.9 กรัม
  • น้ำ 94.5 กรัม
  • วิตามินเอ 42 ไมโครกรัม 5%
  • เบตาแคโรทีน 449 ไมโครกรัม 4%
  • ลูทีนและซีแซนทีน 123 ไมโครกรัม
  • วิตามินบี 1 0.037 มิลลิกรัม 3%
  • วิตามินบี 3 0.594 มิลลิกรัม 4%
  • วิตามินบี 6 0.08 มิลลิกรัม 6%
  • วิตามินซี 14 มิลลิกรัม 17%
  • วิตามินอี 0.54 มิลลิกรัม 4%
  • วิตามินเค 7.9 ไมโครกรัม 8%
  • ธาตุแมกนีเซียม 11 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุแมงกานีส 0.114 มิลลิกรัม 5%
  • ธาตุฟอสฟอรัส 24 มิลลิกรัม 3%
  • ธาตุโพแทสเซียม 237 มิลลิกรัม 5%
  • ไลโคปีน 2,573 ไมโครกรัม

หมายเหตุ : % ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)